วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปริ้นเตอ

Printer การเลือกซื้อเครื่อง พริ้นเตอร์ อย่างไรให้โดนใจคุณ

การเลือกซื้อเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ไว้ ใช้งานสักเครื่องหนึ่ง ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับการเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ต่างๆ เลย เพียงแต่ผู้ซื้อควรจะมีความรู้เกี่ยวกับตัวสินค้าสักหน่อยเท่านั้น ความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในที่นี้อย่างเช่น การอ่านสเปกอย่างคร่าวๆ ของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ได้ สามารถอ่านแล้วทำความเข้าใจได้ว่า ความสามารถของสินค้าชนิดนั้นๆ สามารถทำอะไรด้มั่ง มีความละเอียดในการพิมพ์เท่าไร่? สามารถหยดน้ำหมึกได้เล็กที่สุดกี่พิโคลิตร? แต่ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น การเลือกซื้อเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ยังต้องคำนึงถึงในเรื่องของประสิทธิภาพในการทำงาน ราคาของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ งบประมาณที่จะซื้อ รวมไปจนถึงประสิทธิภาพของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่ซื้อมาใช้งานแล้ว คุ้มค่ากับเงินทองที่เสียไปหรือไม่ ถ้าทำอย่างนี้การเลือกซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์ หรือการเลือกซื้อเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ สำหรับผู้ใช้หลายๆ ท่านก็ไม่ได้เป็นเรื่องที่ยากแล้วครับ
มาทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าครับว่า เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่มีขาย หรือใช้งานกันในปัจจุบันนี้มีเครื่องพรินเอร์แบบใดกันบ้าง เราสามารถแบ่งเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ได้เป็น
1) เครื่องดอตเมตริกซ์พริ้นเตอร์ (Dotmatirx Printer)
2) เครื่องฟิล์มพริ้นเตอร์ (Film Printer)
3) เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์ (Inkjet Printer)
4) เครื่องมินิพริ้นเตอร์ (Mini Printer)
5) เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ (Laser Printer)
6) เครื่องไลน์พริเตอร์ (Line Printer)
7) เครื่องมัลตฟังก์ชัน (Multifunction Printer) หรือ All-In-One (AIO)
8) เครื่องพล็อตเตอร์ (Plotter)
ในการเลือกซื้อ Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบหลายๆอย่างประกอบกัน ซึ่งในแต่ละองค์ประกอบนั้นมีความสำคัญไม่แพ้กัน ในการเลือกซื้อ ตรงนี้จะทำให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์สูงสุด คือเกิดความคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปแต่ที่แน่ ๆ สิ่งแรกควรพิจารณาจากการใช้งานเป็นหลักว่า ผู้ใช้ต้องการPrinter พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไปใช้งานประเภทใดเป็นส่วนใหญ่ เพราะพริ้นเตอร์แต่ละรุ่นเน้นการทำงานที่ต่างกันในตลาดเมืองไทยของเรามี พริ้นเตอร์ให้เลือกซื้ออยู่มากมายหลายรุ่น หลาก หลายประเภทโดยแต่ละรุ่นก็มีความแตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคา การใช้งาน ส่วนในประเภทของ Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ นั้นที่เห็นอย่างชัดเจนในปัจจุบัน มีอยู่ ด้วยกันถึง 4 ประเภท เนื่องจาก Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ มีการพัฒนาขึ้นมาเรื่อยๆ มีการเพิ่มเติมเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงขึ้น การใช้งานมีความ หลากหลายมากขึ้นจนตอนนี้เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องพิมพ์ธรรมดาไปเสียแล้ว เช่น ในบ้างรุ่นสามารถพิมพ์งานด้านกราฟิกที่มีความละเอียดสูงๆ พิมพ์ภาพถ่ายได้แล้ว จากประเภทของพริ้นเตอร์ที่ได้กล่าวไปข้างต้นแล้วนั้นแบ่งได้ดังนี้ครับ
เครื่องดอตเมตริกซ์พริ้นเตอร์ (Dotmatix Printer) เหมาะสมสำหรับห้างร้าน ผู้ประกอบธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางหรือผู้ใช้ที่ต้องการเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่สามารถ ทำสำเนาได้
เครื่องดอตเมตริกซ์พริ้นเตอร์ (Dotmatix Printer) นี้การพิมพ์โดยใช้หัวเข็มครับ ไม่ได้ใช้เป็นหัวพ่นจึงไม่จำเป็นจะต้องซื้อน้ำหมึกแต่ต้องซื้อผ้าหมึกแทน คล้ายๆ กับ เครื่องพิมพ์ดีดแบบปกติทั่วไป ทำให้ผู้ใช้ประหยัดเงินค่าซื้อน้ำหมึกไปได้มาก เนื่องจากผ้าหมึกมีอายุการใช้งานสูงกว่าใช้น้ำหมึกมากหลายเท่า เหมาะกับการใช้ งานในสำนักงานที่ต้องการใช้พิมพ์เพียงเอกสารแบบปกติ อย่างพวกใบเสร็จต่างๆ และงานพิมพ์ทั่วไป ในด้านการใช้งานตัวเครื่องมีความยืดหยุ่นสูง สามารถใช้ ได้กับกระดาษหลายประเภท ในการเลือกซื้อพริ้นเตอร์ประเภทนี้เรื่องความละเอียดในการพิมพ์เรามองข้ามไป ได้เลยครับเพราะปกติของ Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ Dotmatix ค่าความละเอียดสูงสุดแล้วอยู่ที่ 360x360 จุดต่อตารางนิ้วทั้งหมด (ที่มีจำหน่ายอยู่ในตลาดบ้านเราครับ) จำนวนหัวเข็มของเครื่องพิมพ์จะมีตั้งแต่ 24 หัวเข็ม 32 หัวเข็ม ยิ่งจำนวนหัวเข็มมากก็จะทำให้งานที่พิมพ์ออกมามีความละเอียดขึ้น ความเร็วในการพิมพ์ตัวอักษรมีตั้งแต่ 192 ต่อCPS, 240, 264, 300, 360, 375, 390, 400, 432, 450 จนถึง 504 ต่อCPS (CPS คือ ความเร็วในการพิมพ์ตัวอักษรต่อนิ้ว) เห็นได้ว่าเพียงความเร็วในการพิมพ์ตัวอักษรก็มีให้เลือก มากแล้ว ส่วนนี้คงอยู่ที่ความพอใจของผู้ซื้อเองว่าจะเลือกความเร็วที่เท่าไรค่าความ ต่างในการพิมพ์ไม่ได้ต่างกันมากเพียงไม่กี่วินาทีต่อแผ่น
Epson LQ-300+
Fujisu DL3800Pro

Nec P2000
Nec P2000

Oki
Microline 390 Turbo
Panasonic KX-P1131
ต่อมาเป็นจำนวนที่สำเนาที่เครื่องสามารถทำได้ เช่น 1 ต้นฉบับ 3 สำเนา, 1 ต้นฉบับ 4 สำเนา ไปจนถึง 1 ต้นฉบับ 7 สำเนา ส่วนนี้แล้วแต่ความ ต้องการของผู้ใช้ครับ กระดาษก็เป็นเรื่องสำคัญครับแต่ในพริ้นเตอร์ Dotmatrix แล้วจะใช้กระดาษต่อเนื่องที่เป็นทำเป็นสำเนา ความกว้างของกระดาษ ก็เป็น ส่วนหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงครับ ถ้าเครื่องพิมพ์มีความกว้างของกระดาษไม่พอ ก็ทำให้ไม่สามารถพิมพ์งานได้ครับ ในส่วนอื่นๆ ก็เหมือนๆกันไม่ได้แตกต่างกันมาก ช่องต่อพอร์ต เป็น Parallel โดยส่วนใหญ่ มีไม่กี่รุ่นที่ต่อพอร์ต USB ได้ด้วย ที่น่าพิจารณาก็อยู่ตรงที่หน่วยความจำบัฟเฟอร์ยิ่งมาก ยิ่งดีครับเพราะเครื่องจะ มีความยืดหยุ่นในการทำงานสูงขึ้น และเรื่องของราคาเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภทนี้มีราคาค่อนข้างสูงอยู่พอสมควร แต่ถ้าคิดถึงโดยรวมแล้วคุ้มครับเนื่องจากผู้ใช้ ไม่ต้องเสียเวลา ซื้อน้ำหมึกมาเติมอยู่บ่อยๆเหมือนเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภทอื่นส่วนราคาผ้าหมึกเวลาซื้อเปลื่ยนก็ไม่แพงมาก ถ้าหากกำลังมองหาพริ้นเตอร์ประเภท นี้อยู่ก็คงต้องพิจารณาให้ดีนิดนึงนะครับ
เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์ (Inkjet Printer) เหมาะสมสำหรับการใช้งานโดยรวม สามารถพิมพ์เอกสาร รูปภาพที่เป็นขาว-ดำ และสีได้
เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์ (nkjet Printer) เป็นประเภทที่เหมาะสมกับผู้ใช้ทั่วไปทุกระดับตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงสำนักงานใหญ่ ๆ และกำลังได้รับความ นิยมมากที่สุดในตลาดบ้านเราขณะนี้ เนื่องจากมีราคาตั้งแต่ไม่กี่พันบาท ไปจนถึงหลักหมื่นเลยที่เดียวสำหรับการเลือกซื้อเครื่องประเภทนี้จำเป็นต้อง ดูอะไร หลายๆอย่างประกอบกัน เหมือนเดิมครับว่าต้องดูการใช้งานของผู้ใช้เป็นหลักว่าต้องการใช้เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภทนี้เน้นในด้านใดเป็นหลัก อันนี้ก็สืบเนื่องมา จากว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภทนี้มีขายในตลาดบ้านเรามากมายหลายรุ่นจริงๆ ในแต่ละรุ่นมีการทำงานที่แตกต่างกันหลายอย่างเลยทีเดียว คือมีจุดเด่นที่แตกต่าง กันนั้นเอง พริ้นเตอร์ประเภทInkjet พิมพ์งานโดยใช้ตลับน้ำหมึก เวลาเลือกซื้อต้องดูด้วยว่ารุ่นนี้ใช้ตลับน้ำหมึกแบบไหนรุ่นอะไร ตลับสีและดำ ราคาเท่าไรแต่ ละแบรนด์ราคาตลับหมึกถูกบ้างแพงบ้างต่างกันไป อย่างบางรุ่นราคาพริ้นเตอร์ไม่แพงมากแต่ราคาตลับเป็นพันบาทก็มี ตรงส่วนนี้ต้องดูให้ละเอียดครับ
เรื่องของคุณภาพของน้ำหมึกมีขอแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยบ้างรุ่นตลับสี แบบรวมไม่ได้แยกเป็นสี ตรงจุดนี้แบบรวมจะมีข้อเสียเล็กน้อยที่ถ้าตลับสีแบบ รวมสีหนึ่งสีใดหมดต้องเปลี่ยนทั้งตลับเลย ไม่เหมือนกับแบบแยกสีที่ถ้าสีใดหมดก็เปลื่ยนเพียงสีนั้นสีเดียวได้แต่ ปัจจุบัน รุ่นใหม่ๆที่ใช้ตลับหมึกสีแบบรวมมี เทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้น้ำหมึกสีหมดแบบพอๆกัน เพื่อนำมาแก้ปัญหาตรงจุดนี้ หากผู้ใช้เน้นทำงานกราฟิกเป็นส่วนใหญ่ขอแนะนำให้ใช้พริ้นเตอร์ที่มีตลับหมึก สี แยกจะดีกว่าเพราะจะประหยัดกว่ามากครับ ส่วนผู้ใช้ที่เน้นการทำงานปกติ มีพิมพ์ภาพบ้างใช้แบบตลับหมึกสีรวมก็พอแล้วครับ
Canon PIXMA iP90
Epson Stylus Photo R800
HP Photosmart 8150
Lexmark P915
ต่อไปก็เป็นค่าความละเอียดของตัวเครื่องให้เลือกที่ความเหมาะสมดูไป แล้ว เมื่อเทียบกับในปัจจุบันคงต้องเลือกค่าความละเอียดไม่ต่ำกว่า 1200x1200 จุดต่อตารางนิ้ว สำหรับผู้ที่ใช้งานปกติ ตรงนี้ไม่ใช่ว่าความละเอียดต่ำกว่านี้จะไม่ดีนะครับ แต่เพื่อการทำงานในอนาคตและราคาก็แตกต่างกัน เล็กน้อย สำหรับผู้ที่ทำงานกราฟิก ออกแบบน่าจะเลือกความละเอียดประมาณ 4,800 x 1,200 จุดต่อตารางนิ้ว ขนาดช่องใส่กระดาษก็ปกติ A4 หากมีทุนหน่อยก็ เลือกเครื่องที่ใส่กระดาษขนาด A3 ได้ไปเลย ส่วนช่องพอร์ตจะมีตั้งแต่ Parallel, USB 1.1/2.0 ให้เลือกที่เป็น USB ครับเพราะการรับส่งข้อมูลจะเร็วกว่า แบบParallel เรื่องราคาอยู่ที่ความพอใจเลยครับ ราคาถูกประสิทธิภาพการทำงานต่างก็ลดลงเช่นกัน ถ้าต้องการเครื่องที่มีประสิทธิภาพ ในการทำงานสูงก็ลง ทุนหน่อยนะครับ สำปัจจุบันนี้เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ แบบ Inkjet สามารถจะพิมพ์รูปภาพจากกล้องดิจิตอลโดยตรงได้โดยที่ไม่ต้องเชื่อมต่อกับ เครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ สามารถอ่านสื่อบันทึกข้อมูลแบบ Memory Stick, MulitMedia Card(MMC), Secure Disk(SD), CompactFlash (CF) และ XD เหมาะสำหรับ หรับผู้ใช้ที่มีกล้องดิจิตอลอยู่แล้วต้องการเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่สามารถพิมพ์ภาพได้ บางรุ่นก็มีหน้าจอบนตัวเครื่องทำให้สามารถเลือกดูภาพจากตัวเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ได้ก่อนที่จะพิมพ์ บางรุ่นก็ไม่มีแต่ก็สามารถดูภาพที่ตัวกล้องแทนได้ ในส่วนกระดาษที่ใช้ถ้าเป็นการพิมพ์เอกสารธรรมดาประเภท Word, Excel ควรจะใช้ กระดาษที่ใช้ควรจะเป็นกระดาษที่มีความหนา 80 แกรมขึ้นไปครับ เพราะความหนาของกระดาษจะช่วยให้ตัวอักษรที่พิมพ์ออกมาอีกความคมชัดด้วย ถ้าเป็นการ พิมพ์รูปภาพ ควรจะใช้กระดาษโฟโต้เหมาะที่สุดครับ คุณภาพในด้านสีและความละเอียดที่ออกมาจะทำให้สามารถแสดงสีได้ไม่ผิดเพี้ยน มากเกินไป
พอร์ตการเชื่อมแบบ PicBridge สำหรับเชื่อมต่อโดยตรงกับกล้องดิจิตอล และสั่งพิมพ์รูปภาพได้ทันที
Card Reader ที่ติดตั้งมาบนตัวเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ทำให้เพิ่มความสะดวกในการทำงานยิ่งขึ้น

เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์บางรุ่นยังสามารถพิมพ์รูปภาพลงบนแผ่น CD หรือ DVD ได้อีกด้วย
เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์บางรุ่นยังสามารถพิมพ์รูปภาพลงบนแผ่น CD หรือ DVD ได้อีกด้วย

เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์ในปัจจุบันมีความสามารถที่แตกกต่างกันมากมาย ทางด้านผู้ผลิตที่คิดค้น และค้นคว้าจุดเด่น หรือข้อดีของแต่ละผลิตภัณฑ์ขึ้นมาแข่งขันกัน ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการอ่านสื่อบันทึกข้อมุลต่างๆ ได้ เช่น Compact Flash, MultiMedia Card, Secure Disk, XD Card, Memory Stick ในแบบต่างๆ และการติดตั้งพอร์ตเชื่อมต่อแบบ PicBridge หรือบางผู้ผลิตเรียกว่า Print Direct ก็ยังสามารถช่วยให้การใช้งานนั้นง่ายยิ่งขึ้น เพียงแต่ผู้ใช้มีกล้องดิจิตอลที่รองรับเทคโนโลยี PicBridge และเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ที่รองรับเทคโนโลยีนี้เหมือนกัน เท่านี้ก็สามารถใช้งานสั่งพิมพ์รูปภาพผ่านทางกล้องดิจิตอลได้แล้วครับ ในส่วนความสามารถในการพิมพ์รูปภาพหรือข้อความลงบนแผ่น CD หรือ DVD นั้นกำลังเริ่มนิยมขึ้นเรื่อยๆ ครับ หลายๆ ผู้ผลิตก็ทยอยออกสินค้ารุ่นใหม่ๆ ของตนที่มีความสามารถในการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความลงบนแผ่น CD หรือ DVD ได้ออกมา สำหรับโปรแกรมที่ใช้งานกับเครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์นั้น แต่ละผู้ผลิตก็ได้พัฒนา Software ของตนขึ้นมาเพื่อรองรับการทำงาน และประสานการทำงานระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ ผู้ใช้ และเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ให้สามรถใช้งานได้อย่างง่ายดาย
เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ (Laser Printer) เหมาะสมกับการใช้งานร่วมกันในผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการความละเอียด สำนักงานขนาดเล็ก ไปจนถึงขนาดใหญ่ที่มี งานเอกสารปริมาณที่มาก
เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ (Laser Printer) นับว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยในตลาดบ้านเราเมื่อเทียบกับการทำงานทั่ว ไปของพริ้นเตอร์ประเภทนี้กับ เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ประเภท Inkjet จุดแตกต่างที่เห็นกันอย่างชัดเจนคงต้องเป็นในเรื่องของปริมาณการพิมพ์ที่ พริ้นเตอร์ประเภทเลเซอร์ สามารถพิมพ์ได้จำนวน มากกว่า ใส่กระดาษได้มาก รวดเร็วกว่าในการพิมพ์ในจำนวนมากๆ มีความคมชัดสูงทั้งพิมพ์สี ขาวดำและยังสามารถแชร์การทำงานกับผู้ใช้หลายคนได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากกว่าประเภทอื่น ในปัจจุบันนี้เครื่องพิมพ์แบบเลเซอร์พริ้นเตอร์ได้มีการนำออกมาวางจำหน่าย กันมากมายหลายรุ่น โดยในแต่ละรุ่นก็จะมี ประสิทธิภาพและฟังก์ชันในการทำงานที่แตกต่างกันไป ทั้งนี้ก็เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถเลือกซื้อเลเซอร์พริ้นเตอร์ที่เหมาะสมกับ ลักษณะงานและปริมาณงานในองค์กร ของตนให้มากที่สุด ส่วนในเรื่องของราคานั้นอาจจะมีราคาสูงนิดหน่อย แต่ก็คุ้มค่าครับ กับประสิทธิภาพที่ดีกว่ามีความยืดหยุ่นในการทำงานสูง ส่วนในการเลือก ซื้อควรดูที่ฟังก์ชันการทำงานเป็นหลักว่าเหมาะสมกับงานของเราหรือเปล่า ถ้ามีฟังก์ชันมากก็จะทำให้ผู้ใช้สะดวกมากขึ้น สำหรับในการทำงานร่วมกันหลายคน
เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ขาว-ดำ (Monochome Laser Printer) และเครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์สี (Color Laser Printer)
Brother HL-5150D
Epson AcuLaser C3000N

HP Color LaserJet 2550L
HP Color LaserJet 2550L

Fuji Xerox DocuPrint C525A
Konica Minolta PagePro 1300W
ในด้านความละเอียดของตัวเครื่องก็ดูที่ความเหมาะสมกับงาน แนะนำว่าพริ้นเตอร์เลเซอร์เหมาะมากครับสำหรับการใช้งานในสำนักงาน ดูจะไม่ เหมาะเท่าไรนักถ้าจะซื้อมาใช้งานส่วนตัวเพราะโดยส่วนใหญ่แล้วเครื่องประเภท นี้เน้นสนับสนุนระบบเน็ทเวิร์กเป็นหลักครับ Laser พริ้นเตอร์ก็ยังไม่ทั้งขาว-ดำ และสี ในด้านความละเอียดของเครื่อง Laser มีความละเอียดทั้งแต่ 600 x 600 จุดต่อตารางนิ้ว ไปจนถึง 1,200 x 1,200 จุดต่อตารางนิ้ว ความเร็วในการ พิมพ์ก็มีส่วนสำคัญครับ ความเร็วในการพิมพ์ของเครื่อง Laser ก็สามารถพิมพ์ในโหมดขาว - ดำได้ตั้งแต่ 10 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป ส่วนโหมดสีตั้งแต่ 6 แผ่นต่อ นาทีขึ้นไป ต่อมาก็มาดูที่หน่วยความจำของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ส่วนใหญ่ใน Laser พริ้นเตอร์จะติดตั้งหน่วยความจำตั้งแต่ 8 MB, 16 MB, 32 MB ไปจนถึง 96 MB แต่ก็สามารถเพิ่มเติมได้อีก ยิ่งมีหน่วยความจำมากเท่าไหร่ก็จะทำให้เครื่องพิมพ์สามารถประมวลผล และรับงานในปริมาณที่มาก ล้วพิมพ์งานออกมาได้ รวดเร็วขึ้น ลำดับต่อมาเป็นการเชื่อมต่อมีตั้งแต่ Parallel, USB 1.1/2.0, Ethernet ในส่วนนี้แล้วแต่ผู้ใช้ครับ แต่ขอแนะนำให้เลือกใช้ที่เป็นการเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 ดีกว่าครับ เพราะจะทำให้การส่งข้อมูลมีความรวดเร็วกว่าแบบอื่น และถ้าต้องการใช้งานในระบบเครือข่าย (LAN) ขั้นก็ควรจะมีพอร์ตเชื่อมต่อแบบ Ethernet 10/100 Base-T/TX ด้วยครับ แต่เราจะใช้การเชื่อมต่อแบบ USB 1.1/2.0 เพื่อให้เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ของเราเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องหึง แล้วทำงานแชร์ทรัพยากรเครื่อง ให้เครื่องลูกข่าย (Client) ให้สามารถใช้งานเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ตัวนั้นก็ได้ครับ ซึ่งมีข้อเสียคือในการทำงานจำเป็นทีจะต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกับเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ ไว้ตลอดเวลา จึงจะสามารถสั่งพิมพ์งานได้ แต่ถ้าเป็นการเชื่อมต่อแบบEthernet ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ มาเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สามารถนำเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องที่มีมาตรฐานการเชื่อมต่อแบบ Ethernet นั้นไปเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายด้วยสาย LAN ได้ทันที เสมือนการทำงานว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องนั้นเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งนั่นเองครับ ในการทำงานก็สามารถสั่งพิมพ์งานได้ทันที สะดวกและรวดเร็วประหยัดพลังงานมากกว่าแบบแรกครับ
โทนเนอร์ก็มีส่วนสำคัญครับ ถ้าราคาโทนเนอร์แพงก็ไม่คุ้มค่าที่จะใช้งานต้องระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย กระดาษที่ใช้กับเครื่อง Laser สามารถใช้ กระดาษขนาด A4 บางรุ่นก็สามารถพิมพ์กระดาษขนาด A3 ได้ ส่วนถาดใส่กระดาษใน Laser บางรุ่นสามารถเพิ่มถาดกระดาษได้ เหมาะสำหรับงานที่มี ปริมาณเอกสารมาก ไม่ต้องกังวลว่าปริมาณกระดาษจะพอไหม ในส่วนการใช้งาน Laser พริ้นเตอร์แบบขาว- ดำเหมาะสำหรับผู้ใช้ที่เน้นงานเอกสารเป็นหลัก ไม่ต้องการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความที่เป็นสี ทำให้ได้ตัวอักษรที่คมชัดกว่าเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ Inkjet หลายเท่า ส่วน Laser พริ้นเตอร์แบบสีเหมาะสำหรับผู้ใช้ ที่เน้นงานด้านรูปภาพ แต่ก็มีงานด้านเอกสารด้วย
เครื่องมัลติฟังก์ชัน (Multifunction) หรือ All-In-One (AIO) น้องใหม่ที่ออกมาพร้อมอุปกรณ์ทำงานที่ครบเครื่องทั้ง พิมพ์ สแกน ก๊อปปี้ และส่งแฟกซ์ คุ้มค่ากับราคาที่น่าลอง
ก่อนอื่นเรามาเริ่มทำความรู้จักกับอุปกรณ์นี้กันก่อน สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันหรือออลอินวันจะเป็นการนำเอาความสามารถและ ฟังก์ชันการทำงานของ อุปกรณ์ต่อพ่วงหลัก ๆ มารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างครบชุด ซึ่งประกอบไปด้วย เครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ เครื่องสแกนเนอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร และเครื่องแฟกซ์ แต่สำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชั่นในบางรุ่นอาจจะไม่ได้รวมเอาเครื่องแฟกซ์มาด้วยก็ได้ แต่หลัก ๆ อย่างไรก็สามารถพิมพ์งาน สแกน และถ่ายเอกสารได้ครับ
ส่วนการทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันมีการพัฒนาในเรื่องของการทำงาน ให้มีการทำงานร่วมกันได้อย่างเต็มที่มากขึ้น อย่างที่เราจะเห็นได้จาก ฟังก์ชันในการถ่ายเอกสารนั่นเองซึ่งจะเป็นการประสานงานในการทำงานร่วมกัน ระหว่างเครื่องสแกนเนอร์กับพริ้นเตอร์ นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มฟังก์ชัน ในการสั่งงานบางอย่างที่จะช่วยให้การถ่ายเอกสารทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบมาก ขึ้นด้วย อย่างเช่น การย่อหรือขยายเอกสาร การทำสำเนา หรือจะเป็นการปรับ เลือกโหมดการถ่ายเอกสารสีหรือการถ่ายเอกสารขาว-ดำได้ เป็นต้น
ส่วนเครื่องมัลติฟังก์ชันที่มีแฟกซ์ในตัวเราจะสังเกตได้จากแผงควบคุม ที่จะมีปุ่มสำหรับกดเลขหมายโทรศัพท์ได้ครับ สำหรับกลุ่มผู้ใช้ที่เหมาะสำหรับ เครื่องมัลติฟังก์ชันนี้จะมีทั้ง กลุ่มธุรกิจองค์กรทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง โฮมออฟฟิศ และกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้าน ซึ่งสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้านนั้นในตอนนี้ กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะทางผู้ผลิตทั้งหลายต่างก็ได้ส่งเครื่องมัลติฟังก์ชันราคาประหยัดลงมาทำ ตลาดกัน ซึ่งจะมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ สี่พันกว่าบาทเท่านั้น และเมื่อลองเทียบกันกับการซื้อพริ้นเตอร์และสแกนเนอร์แบบแยกชิ้นแล้ว จะเห็นได้ว่ามีราคาต่างกันไม่มาก แต่เมื่อดูถึงจุดเด่นของ มัลติ ฟังก์ชันที่ประหยัดพื้นที่ในการติดตั้งกว่า และสามารถถ่ายเอกสารทั้งสีทั้งขาว-ดำได้แล้วถือว่าเป็นตัวเลือกใหม่ที่น่า สนใจทีเดียว
Brother MFC-620CN
Canon PIXMA IP780

Epson Stylus CX6500
Epson Stylus CX6500

HP Officejet 6210
Lexmark X7170
ในการเลือกซื้อเครื่องมัลติฟังก์ชันเราจะอาศัยหลักการเลือกซื้อแบบ แยกชิ้นอาจจะไม่ได้ เพราะในการเลือกซื้อแบบแยกชิ้น อย่างการซื้อพริ้นเตอร์สัก เครื่องเราอาจจะพิจารณาจากความละเอียดในการพิมพ์เป็นอันดับต้น ๆ ก็ได้ แต่สำหรับการซื้อมัลติฟังก์ชันนั้นต่างกันเนื่องจากมัลติฟังก์ชันเป็น อุปกรณ์แบบ รวมชิ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราคาดหวังว่าในการพิมพ ์ต้องมีความละเอียดเท่านี้ สแกนเนอร์ต้องสแกนงานได้ที่ความละเอียดเท่านี้นั้นเป็นเรื่องที่กำหนดได้ยาก ถ้าให้ดีเราควรเลือกซื้อตามความต้องการและความเหมาะสมในการใช้งานเป็นหลักดี กว่า
อย่างเช่นถ้าที่ออฟฟิศของคุณมีเครื่องแฟกซ์อยู่แล้วก็ควรเลือกซื้อ เครื่องมัลติฟังก์ชันแบบที่ไม่มีแฟกซ์ในตัวมาใช้ ซึ่งราคาส่วนต่างระหว่างรุ่นที่มี แฟกซ์กับไม่มีแฟกซ์จะต่างกันค่อนข้างมากอยู่ ส่วนในเรื่องของความละเอียดในการพิมพ์และการสแกนงานนั้น ในการเลือกซื้อให้ขึ้นอยู่กับลักษณะของงานด้วย อย่างถ้ามีความจำเป็นต้องมีการใช้งานเกี่ยวกับด้านกราฟิกบ้าง เครื่องมัลติฟังก์ชันที่มีความละเอียดสูง ๆ ก็จะเหมาะสมกับงานแบบนี้มากกว่า หรือถ้าหากมีการใช้ งานการพิมพ์หรือการสแกนที่ต้องการความละเอียดสูงจริง ๆ หรือมีการใช้งานเป็นประจำ อันนี้ควรจะเลือกซื้อแบบแยกชิ้นไปเลยดีกว่า เพราะในการใช้งานแบบ เฉพาะเจาะจงนั้นอุปกรณ์แบบแยกชิ้นย่อมทำงานได้ดีกว่าเสมอ เราต้องอย่าลืมว่า เครื่องมัลติฟังก์ชันนั้นถูกออกแบบมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวก และเพื่อเพิ่ม ความคล่องตัวในการทำงานให้มากขึ้นครับ แต่ถ้าจะเลือกซื้อมัลติฟังก์ชันความละเอียดมีตั้งแต่ 600 x 600 จุดต่อตารางนิ้ว, 1200 x 1200 ตารางนิ้ว ความ สามารถในการพิมพ์ขาว-ดำ 12 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป พิมพ์สี 10 แผ่นต่อนาทีขึ้นไป ส่วนความละเอียดในการสแกนตั้งแต่ 600 x 1200 จุดต่อตารางนิ้ว ยิ่งมากยิ่ง สแกนได้ความละเอียดสูงครับ จำนวนบิตสีก็สำคัญส่วนใหญจะประมาณ 48 บิตสี บางรุ่นยังสามารถสแกนแล้วย่อ – ขยายได้ตั้งแต่ 25% - 400% ในส่วนนี้ เป็นส่วนเพิ่มเติมครับ หน่วยความจำในเครื่องมัลติฟังก์ชันก็สำคัญควรจะมีประมาณ 16 MB ขึ้นไปครับ จะได้ช่วยประมวลผลในการพิมพ์ได้เร็วขึ้น การเชื่อม ต่อสามารถเลือกได้ว่าต้องการแบบใด Parallel, USB 1.1/2.0, FireWire และ Ethernet ขอแนะนำให้ใช้ USB 1.1/2.0 เพราะราคาไม่สูงมากนัก แต่ถ้า ต้องการความเร็วในส่งข้อมูลที่สูงขึ้นแนะนำ FireWire ครับ ฟังก์ชันในการใช้งานในตอนนี้มัลติฟังก์ชันมีสามารถในการพิมพ์ภาพจากกล้อง ดิจิตอล หรือสื่อ บันทึกข้อมูล Memory Stick, MutiMedia Card(MMC), Secure Disk(SD), CompactFlash(CF) และ XD-Cart
สำหรับเครื่องมัลติฟังก์ชันในปัจจุบันนั้นมีการพัฒนาขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีในการพิมพ์ที่มีความละเอียดในการพิมพ์ที่สูงขึ้น สามารถพิมพ์รูปภาพได้สวยขึ้น ไม่แพ้เครื่องอิงค์เจ็ตพริ้นเตอร์, ในเรื่องของความสามารถในการพิมพ์ก็เช่นเดียวกันครับ เครื่องมัลติฟังก์ชันมีความเร็วในการพิมพ์ที่รวดเร็วยิ่งขึ้น สามารถพิมพ์ได้ไวขึ้น, ซอฟต์แวร์ที่ใช้กับเครื่องมัลติฟังก์ชันก็มีความง่ายต่อการใช้งานยิ่งขึ้น โดยจะมีโปรแกรมที่ช่วยเหลือในการพิมพ์ให้เป็นเรื่องง่ายขึ้ ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์งาน การสแกนรูปภาพ หรือการทำสำเนา และรวมทั้งการรับ-ส่งแฟกซ์ โดยที่การทำงานต่างๆ เหล่านี้สามารถควบคุมการทำงานได้ทั้งจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยผ่านทาง ซอฟต์แวร์ควบคุม หรือว่าจะเป็นการสั่งงานผ่านทางหน้าจอควบคุม และปุ่มควบคุมทางด้านบนของตัวเครื่อง, การทำงานของเครื่องมัลติฟังก์ชันก็มีมีความสามารถอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ไม่ว่าจะเป็นการพิมพ์เอกสาร 2 หน้าอัตโนมัติโดยที่ไม่จำเป็นต้องซื้ออุปกรณ์เพิ่มเติม เพราะได้ติดตั้งไว้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานกับตัวเครื่องแล้ว ซึ่งบางรุ่นก็ยังได้เพิ่มเติมความสามารถในการพิมพ์รูปภาพ หรือข้อความลงบนแผ่น CD หรือ DVD อีกด้วย
  ประเภทของเครื่อง Printer พริ้นเตอร์ หรือ ปริ้นเตอร์ สำหรับงานแต่ละประเภท
  สำหรับงานพิมพ์เอกาสารธรรมดา ขาว-ดำที่ต้องการสำเนา
  เครื่องดอตเมตริกซ์พริ้นเตอร์( Dot Matrix Printer)
  สำหรับงานพิ์พ์เอกสารธรรมดาขาว-ดำ และสี รูปภาพ ภาพถ่าย
  เครื่องอิงค์เจ็ทพริ้นเตอร์ (InkJet Printer)
  สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความรวดเร็ว คมชัด
  เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์ขาว-ดำ (Mono Laser   Printer)  
  สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการความรวดเร็ว คมชัด และต้องการพิมพ์สี
  เครื่องเลเซอร์พริ้นเตอร์สี (Color Laser Printer)
  สำหรับงานพิมพ์ที่ต้องการพิมพ์เอกสารธรรมดาขาว-ดำ และสี   พร้อมด้วยการสแกน ทำสำเนา และส่งแฟกซ์
  เครื่องมัลติฟังก์ชัน (Multifunction Printer)

อย่าบอกว่าเธอไม่รัก

อย่าบอกว่าเธอไม่รัก

อย่าบอกว่าเธอไม่รัก
เพราะมันอาจทำให้คนอกหักหัวใจสลาย
อย่าบอกว่า...เธอรักเขามากมาย
เพราะเธอกำลังฆ่าฉันให้ตายคามือ

ฉันเหมือนคนอ่อนแอ
ที่หัวใจพ่ายแพ้หมดแรงดึงยื้อ
เมื่อเธอรักเขา...คนที่เหงาคงต้องปล่อยมือ
เพราะถ้าฝืนยื้อ...หัวใจคงสลายคามือฆาตกร

ของขวัญ

 ของขวัญ

วันเกิดของฉันในทุกปี
เธอจะให้ตุ๊กตาหมีและเค้กก้อนใหญ่
พร้อมคำอวยพร...ว่าให้มีความสุขตลอดไป
ในฐานะเพื่อนที่ชิดใกล้...แต่ไม่เคยได้ความผูกพัน

เธอจะเคยรู้บ้างหรือเปล่าคนดี
ว่าสิ่งที่ฉันต้องการในตอนนี้...กลับไม่ใช่สิ่งของพวกนั้น
เมื่อสิ่งเดียวที่อยากได้...ในวันที่มีความหมายและสำคัญ
วันเกิดของฉัน...เธอคือของขวัญชิ้นเดียวเท่านั้น
...ที่หัวใจอยากมี...

กลอน

ฟากฟ้า…ฝั่งทะเล

เมื่อตำนานความรักเหงา – เหงา
กับกลายเป็นเรื่องเล่า…ทะเล ฟากฟ้า
สิ่งทั้งสองเคยครองรักกัน…เมื่อนานมา
แต่ด้วยความอิจฉาของพสุธา…จับแยกกัน
-  -  -  -  -  -  -
ฟากฟ้า และ ท้องทะเล…ยังคงเป็นสีคราม
แสดงออกถึงความรักที่งอกงามในใจนั้น
ห่างกันสุดฟากฟ้า…ฝั่งทะเล…ยังมั่นคงผูกพัน
” รัก ” ที่จริงใจนั้น…อย่าวัดกันที่ระยะทาง
-  -  -  -  -  -  -
เมื่อฝั่งทะเล…คิดถึงซึ่งฟ้าไกล
น้ำจะก่อระเหยเป็นไอแทนความอ้างว้าง
ฟากฟ้า…รับรู้ได้ถึงสายใยบาง – บาง
สายฝนไหลมาเป็นทาง…ลบความอ้างว้างให้ทะเล
-  -  -  -  -  -  -
ถึงแม้เรื่องจริงเส้นขนาน…ไม่เคยบรรจบ
แต่รักของเราไม่ติดลบ…ไม่หันเห
อย่างน้อยยังเคียงคู่…ฟากฟ้า…ฝั่งทะเล
แค่นิทานกล่อมเห่…แต่ มั่นคง ไม่ไขว้เขว…ดั่งใจคน

วันจันทร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2555

Java Script คืออะไร?

JavaScript เป็นภาษาโปรแกรม (programming language) ประเภทหนึ่ง ที่เรียกกันว่า "สคริปต์" (script) ซึ่งมีวิธีการทำงานในลักษณะ "แปลความและดำเนินงานไปทีละคำสั่ง" (interpret) ภาษานี้เดิมมีชื่อว่า LiveScript ได้รับการพัฒนาขึ้นโดย Netscape ด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อที่จะช่วยให้เว็บเพจสามารถแสดงเนื้อหา ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปได้ ตามเงื่อนไขหรือสภาพแวดล้อมต่างๆกัน หรือสามารถโต้ตอบกับผู้ชมได้มากขึ้น ทั้งนี้เพราะภาษา HTML แต่เดิมนั้น เหมาะสำหรับใช้แสดงเอกสาร ที่มีเนื้อหาคงที่แน่นอน และไม่มีลูกเล่นอะไรมากมายนัก

เนื่องจาก JavaScript ช่วยให้ผู้พัฒนา สามารถสร้างเว็บเพจได้ตรงกับความต้องการ และมีความน่าสนใจมากขึ้น ประกอบกับเป็นภาษาเปิด ที่ใครก็สามารถนำไปใช้ได้ ดังนั้นจึงได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง มีการใช้งานอย่างกว้างขวาง รวมทั้งได้ถูกกำหนดให้เป็นมาตรฐานโดย ECMA ซึ่งเราจะพบว่าปัจจุบัน จะหาเว็บเพจที่ไม่ใช้ JavaScript เลยนั้น ได้ยากเต็มที

การทำงานของ JavaScript จะต้องมีการแปลความคำสั่ง ซึ่งขั้นตอนนี้จะถูกจัดการโดยบราวเซอร์ ดังนั้น JavaScript จึงสามารถทำงานได้ เฉพาะบนบราวเซอร์ที่สนับสนุน ซึ่งปัจจุบันบราวเซอร์เกือบทั้งหมดก็สนับสนุน JavaScript แล้ว อย่างไรก็ดี สิ่งที่ต้องระวังคือ JavaScript มีการพัฒนาเป็นเวอร์ชั่นใหม่ๆออกมาด้วย (ปัจจุบันคือรุ่น 1.5) ดังนั้น ถ้านำโค้ดของเวอร์ชั่นใหม่ ไปรันบนบราวเซอร์รุ่นเก่าที่ยังไม่สนับสนุน ก็อาจจะทำให้เกิด error ได้

การทำงานของ JavaScript เกิดขึ้นบนบราวเซอร์ (เรียกว่าเป็น client-side script) ดังนั้นไม่ว่าคุณจะใช้เซิร์ฟเวอร์อะไร หรือที่ไหน ก็ยังคงสามารถใช้ JavaScript ในเว็บเพจได้ ต่างกับภาษาสคริปต์อื่น เช่น Perl, PHP หรือ ASP ซึ่งต้องแปลความและทำงานที่ตัวเครื่องเซิร์ฟเวอร์ (เรียกว่า server-side script) ดังนั้นจึงต้องใช้บนเซิร์ฟเวอร์ ที่สนับสนุนภาษาเหล่านี้เท่านั้น อย่างไรก็ดี จากลักษณะดังกล่าวก็ทำให้ JavaScript มีข้อจำกัด คือไม่สามารถรับและส่งข้อมูลต่างๆ กับเซิร์ฟเวอร์โดยตรง เช่น การอ่านไฟล์จากเซิร์ฟเวอร์ เพื่อนำมาแสดงบนเว็บเพจ หรือรับข้อมูลจากผู้ชม เพื่อนำไปเก็บบนเซิร์ฟเวอร์ เป็นต้น ดังนั้นงานลักษณะนี้ จึงยังคงต้องอาศัยภาษา server-side script อยู่ (ความจริง JavaScript ที่ทำงานบนเซิร์ฟเวอร์เวอร์ก็มี ซึ่งต้องอาศัยเซิร์ฟเวอร์ที่สนับสนุนโดยเฉพาะเช่นกัน แต่ไม่เป็นที่นิยมนัก)

การทำงานของ JavaScript จะมีประสิทธิภาพมาก ถ้ามันสามารถดัดแปลงคุณสมบัติ ขององค์ประกอบต่างๆ บนเว็บเพจ (เช่น สี หรือรูปแบบของข้อความ) และสามารถรับรู้เหตุการณ์ ที่ผู้ชมเว็บเพจโต้ตอบกับองค์ประกอบเหล่านั้น (เช่น การคลิก หรือเลื่อนเมาส์ไปวาง) ได้ ดังนั้นจากภาษา HTML เดิม ที่มีลักษณะสถิต (static) ใน HTML เวอร์ชั่นใหม่ๆ จึงได้มีการพัฒนาให้มีคุณสมบัติบางอย่างเพิ่มขึ้น และมีลักษณะเป็นอ็อบเจ็ค "object" มากขึ้น การทำงานร่วมกันระหว่างคุณสมบัติใหม่ของ HTML ร่วมกับ JavaScript นี้เอง ทำให้เกิดเป็นสิ่งที่เรียกว่า Dynamic HTML คือภาษา HTML ที่สามารถใช้สร้างเว็บเพจที่มีลักษณะพลวัต (dynamic) ได้นั่นเอง

นอกจากนี้ อีกองค์ประกอบหนึ่งที่เกี่ยวข้อง ก็คือ Cascading Style Sheet (CSS) ซึ่งเป็นภาษาที่ช่วยให้เราควบคุมรูปแบบ ขององค์ประกอบต่างๆ บนเว็บเพจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าคำสั่ง หรือแท็ก (tag) ปกติของ HTML เนื่องจาก JavaScript สามารถดัดแปลงคุณสมบัติของ CSS ได้เช่นกัน ดังนั้นมันจึงช่วยให้เราควบคุมเว็บเพจ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากมากยิ่งขึ้นไปอีก


ข้อมูลจาก :: sumbydesign.net